กล่าวนำ
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย
ประชาชนชาวไทยกว่าร้อยละ ๙๕ นับถือศาสนาพุทธ แม้ว่าจุดกำเนิดของพระพุทธศาสนาจะมาจากประเทศอินเดียก็ตาม
แต่ตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่ทั่วไปในประเทศไทย
อาจกล่าวได้ว่าเมืองไทยเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา
เป็นแนวคำสอนที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ของโลกทุกยุคทุกสมัย
มีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ มีเหตุ มีผล ที่มวลมนุษยชาติสามารถยอมรับ
และพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง การที่จะอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาและการนำแนวทางของพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ให้กว้างขวางนั้น
พระพุทธองค์ได้ฝากพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔ อันมี
ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ที่จะดำเนินการต่อไป แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
อาจกล่าวได้ว่า งานด้านส่งเสริม เผยแผ่พระพุทธศาสนาในการสร้างความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา
จะเป็นภาระของฝ่ายสงฆ์เป็นส่วนใหญ่ ฝ่ายฆราวาสจะเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือก็เป็นเพียงส่วนน้อย
ประกอบกับปัจจุบันความเจริญทางวัตถุได้เติบโตอย่างรวดเร็ว
การแก่งแย่งชิงดี การแข่งขันต่อสู้ เพื่อความอยู่รอด เพื่อการเอาชนะเพื่อความสำเร็จ
ก่อให้เกิดความเสื่อม ไม่ยึดมั่นในแนวทางของพระพุทธศาสนา
ขาดการพัฒนาด้านคุณธรรมของจิตใจ โลกจึงสับสนวุ่นวาย ก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม
การฉุดคร่าอนาจาร การลักขโมย ฉกชิงวิ่งราว การเอารัดเอาเปรียบทางสังคม
นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่จำนวนประชากรของโลกเพิ่มมากขึ้น
การนำประชากรของโลกไปสู่ทางสงบสันติร่มเย็น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
จากเหตุผลดังกล่าว ประเทศไทยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนา
พุทธศาสนิกชนในไทย จึงจะต้องร่วมแรงร่วมใจกำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านพุทธศาสนา
อย่างจริงจัง ให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ระดมพลังทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
เข้าร่วมทำงาน ด้านพระพุทธศาสนา อย่างแท้จริง
จากข่าวที่ว่าในวันที่
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๒๗ สันตะปาปาจอห์นปอลที่ ๒ แห่งกรุงวาติกัน
จะได้เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการนั้น ชาวพุทธกลุ่มหนึ่งจึงได้รวมตัวกันขึ้น
และตกลงใจกันว่าจะต้องจัดตั้งองค์กรในการประสานความร่วมมือในหมู่ชาวพุทธ
โดยอาศัยพระพุทธศาสนาเป็นจุดยึดเหนี่ยวทางใจของบุคคล ให้แต่ละคนสามารถร่วมกันทำงานได้โดยใช้หลักความคิด
ร่วมกิจกรรมร่วมทำงาน เป้าหมายคือ ความเจริญมั่นคงของพระพุทธศาสนา
เพราะเห็นว่า การเป็นพุทธศาสนิกชนของคนไทยนั้น จะเป็นไปตามทะเบียนสำมะโนครัวเสียส่วนมาก
ความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาจนเกิดเป็นศรัทธาปสาทะที่ไม่โยกคลอนหวั่นไหว
มีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้น อีกทั้งองค์กรของพระพุทธศาสนา
ที่จัดตั้งเป็นรูปขององค์กรบริหารคณะสงฆ์ หรือมูลนิธิสมาคมสถาบันที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเอง
การทำงานไม่มีการประสานสัมพันธ์เท่าที่ควรไม่เกื้อกูลกัน
ซึ่งผิดกับศาสนาอื่น ๆ
ดังนั้น
ชาวพุทธหลายกลุ่มที่เป็นตัวแทนสมาคมมูลนิธิต่าง ๆ ได้ตกลงว่า
ควรจะจัด "งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา
" ขึ้น เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๗ ณ ท้องสนามหลวง
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันระหว่างพุทธศาสนิกชนกับคริสต์ศาสนิกชน
ซึ่งการจัดงานครั้งแรกนี้ได้ผลดีพอสมควร เป็นการปลุกชาวพุทธให้ตื่นขึ้น
ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้คณะกรรมการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา
ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ ได้ตกลงที่จะจัดงานนี้เป็นประจำทุกปี
และกระทำติดต่อกันมาเป็นปีที่ ๒๐ แล้ว และ คณะรัฐมนตรีได้มีมติในที่ประชุมเมื่อวันที่
๑๔ ตุลาคม ๒๕๔๖ อนุมัติงบกลางสนับสนุนการจัดงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา
ประจำปี ๒๕๔๗ และสำหรับในปีต่อ ๆ ไปนั้น ให้กระทรวงมหาดไทย
ตั้งเป็นงบประมาณปกติประจำปี
|