พระเจ้าสุทโธทนะมีพระอัครมเหสีทรงพระนามว่า
มหามายาเทวี ทั้งสองพระองค์ทรงอยู่ร่วมกันมาด้วยความผาสุก
จนกระทั่งพระเทวีทรงมีพระครรภ์ เมื่อพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ
พระนางได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระสวามี ให้แปรพระราชฐานไปประทับที่กรุงเทวทหะเป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ก็เพื่อประสูติในตระกูลของพระนางตามประเพณีนิยมสมัยนั้น
๑ พระเทวีเสด็จออกจากกรุงกบิลพัสดุ์พร้อมด้วยข้าราชบริพารในเวลาเช้า
ของวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาถึงสวนลุมพินี
๒ อันตั้งอยู่กึ่งกลางทางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์และกรุงเทวทหะต่อกัน
พระนางทรงมีพระประสงค์จะประพาสอุทยาน ข้าราชบริพารจึงเชิญเสด็จแวะไปประทับพักผ่อนอิริยาบถใต้สาละ
๓ ขณะประทับอยู่ที่สวนลุมพินีนั้น พระนางได้ประสูติ
พระโอรสภายใต้ต้นสาละ เมื่อพระเจ้าสุทโธทนะทราบข่าวประสูติ
จึงตรัสสั่งให้เชิญเสด็จ พระนางพร้อมด้วยพระราชกุมารกลับคืนกรุงกบิลพัสดุ์โดยด่วน
ข่าวประสูติแพร่ไปถึงอสิตดาบส๔
ผู้อาศัยอยู่ในอาศรมเชิงเขาหิมาลัย ดาบสท่านนี้มีความคุ้นเคยกับราชสำนักของพระเจ้าสุทโธทนะ
พอทราบข่าวประสูติของพระราชกุมาร ดาบสจึงลงจากเขาเข้าไปเยี่ยมเยียนราชสำนัก
ท่านมีความรู้เกี่ยวกับการทำนายมหาปุริสลักษณะ พอเป็นพระราชกุมารก็ทำนายได้ทันทีว่า
นี่คือผู้จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงกล่าวพยากรณ์ว่า
"พระราชกุมารนี้จักบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ เห็นแจ้งพระนิพพานอันบริสุทธ์อย่างยิ่ง
ทรงหวังประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก จะประกาศธรรมจักรพรหมจรรย์ของพระกุมารนี้จักแพร่หลาย"๕
แล้วกราบลงแทบพระบาทของพระกุมาร พระเจ้าสุทโธทนะทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์นั้นทรงรู้สึกอัศจรรย์และเปี่ยมล้นด้วยปีติ
ถึงกับทรุดพระองค์ลงอภิวาทพระราชกุมารตามอย่างดาบส
เมื่อพระกุมารประสูติได้
๕ วัน พระเจ้าสุทโธทนะโปรดให้ประกอบพิธีเฉลิมฉลองรับขวัญ
และขนานพระนาม โดยเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คนผู้เชี่ยวชาญไตรเพทมาบริโภคโภชนาหาร
ที่ประชุมของพราหมณ์ได้ถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ"
แปลว่า "สมประสงค์" กล่าวคือพระราชกุมารจะทรงปรารถนาสิ่งใด
ก็จะได้สิ่งนั้นตามความปรารถนา คนส่วนมากมักเรียกพระองค์ตามชื่อโคตรว่า
"โคตมะ"
ต่อจากนั้นพราหมณ์ ๘ คน
๖ ผู้รู้การทำนายลักษณะได้ตรวจสอบลักษณะของพระกุมารแล้ว
พบว่าพระกุมารมีลักษณ์มหาบุรุษ ๓๒ ประการ ๗
จึงให้คำทำนายชีวิตในอนาคตของพระกุมาร พราหมณ์ ๗ คน ทำนายว่าพระสิทธัตถราชกุมารนี้
ถ้าอยู่ครองเพศฆราวาสจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ แต่ถ้าออกผนวช
จะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสดาเอกของโลก แต่พราหมณ์คนที่
๘ ชื่อว่าโกณฑัญญะให้คำทำนายยืนยันหนักแน่นเป็นคติเดียวว่า
พระกุมารจะต้องออกผนวชและตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ต่อจากนั้น ที่ประชุมของพราหมณ์ได้ถวายพระนามแก่พระกุมารว่า
"สิทธัตถะ" แปลว่า "สมปรารถนา"
หมายความว่า "ผู้สร้างความสมปรารถนาแก่ชาวโลกทั้งปวง"
๘
------------------------------------
๑ มธุรัตถวิลาสินี(อรรถกถาพุทธวงศ์),
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ๒๕๓๓, หน้า ๓๙๔
๒ ปัจจุบันคือตำบลรุมมินเด
แขวงเปชวาร์ ประเทศเนปาล
๓ ประสูติในวันศุกร์
เพ็ญเดือนวิสาขะ (เดือน ๖) ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี
๔ ดาบสนี้มีชื่อต่างกัน
ในนาลกสูตร(ขุ.สุ. ๒๕/๖๘๕/๕๙๐) ดาบส มีชื่อว่า อสิตะหรือกัณหสิริ
แต่ในมธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาพุทธวงศ์ หน้า ๓๙๗ ดาบสมีชื่อว่า
กาฬเทวิล
๕ ขุ.ส. ๒๕/๔๖๙/๓๘๘.
๖ พราหมณ์ ๘
คน คือ รามะ ธชะ ลักขณะ มันตี โกณฑัญญะ โภชะ สุยามะ และสุทัตตะ
ดู ชาตกัฎฐกถา ภาค ๑ ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หน้า ๘๔
๗ ที.ปา. ๑๑/๕๗/๑๓๐.
๘ ชาตกัฏฐกถา
ภาค ๑ หน้า ๘๕
|